ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือแคนาดา สถานที่เรียนยอดนิยมระดับโลกเหล่านี้มักกำหนดให้นักเรียนต้องสอบ IELTS เพื่อประกอบการยื่นขอวีซ่าและสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
หากคุณกำลังจะสอบ IELTS คุณอาจกังวลเกี่ยวกับส่วนการสอบเขียน โดยเฉพาะหากคุณเคยได้ยินข่าวลือหรือความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวิธีการทำคะแนนสูงๆ ที่เราพร้อมช่วยคุณทำลายความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้ และช่วยให้คุณได้คะแนนที่ต้องการด้วยการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ
มาดูกันเลยเพื่อให้คุณกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องก่อนจะสายไป!
7 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการสอบเขียน IELTS ที่ควรทำความเข้าใจใหม่
1. ความคิดหรือข้อโต้แย้งของฉันต้องน่าสนใจจึงจะได้คะแนนดี
เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจผิดว่าแนวคิดหรือข้อโต้แย้งที่เขียนลงไปจะถูกอ่านอย่างละเอียดและส่งผลต่อคะแนนสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่เป็นความจริง
สำหรับทั้งสองส่วนในการทำข้อสอบเขียน คุณจะถูกประเมินจากความถูกต้องของการเขียนให้สมบูรณ์ ความสอดคล้องและความต่อเนื่องของการเขียน ความหลากหลายของการใช้คำศัพท์ และความถูกต้องและความหลากหลายของไวยากรณ์
คุณจะถูกประเมินตามความสามารถในการเขียน ไม่ใช่ตามแนวคิดหรือข้อโต้แย้งส่วนตัวของคุณ
2. ยิ่งเขียนเยอะ ยิ่งได้คะแนนดี
แต่ละส่วนในข้อสอบ IELTS Writing จะกำหนดให้คุณเขียน 150 คำ และ 250 คำตามลำดับ
คุณควรพยายามเขียนให้ใกล้เคียงกับจำนวนคำที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้คุณแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของคำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์
อย่างไรก็ตาม การเขียนเกินจำนวนคำที่กำหนดไมได้ทำให้คุณได้คะแนนสูงขึ้น แม้ว่าการเขียนเกินจะไม่ถูกหักคะแนน แต่คุณอาจใช้เวลามากเกินไปในการทำข้อสอบและละเลยข้อสอบส่วนอื่น จะดีกว่าถ้าคุณเขียนอย่างกระชับภายในจำนวนคำที่กำหนด และใช้เวลาให้มากขึ้นในการตรวจสอบความผิดพลาดและแก้ไขงานเขียนของคุณ
3. การยกตัวอย่างทั้งหมดในงานเขียนต้องมีหลักฐานจริง
ในข้อสอบ Writing ส่วนที่ 2 ผู้สอบจะต้องแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามในรูปแบบข้อโต้แย้ง
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของคุณ คุณจะไม่ได้รับการประเมินตามความสามารถในการนำเสนอหลักฐาน แต่จะประเมินจากความสามารถในการเขียนและการถ่ายทอดข้อมูลในการใช้ภาษาของคุณ
คุณสามารถใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความคิดเห็นของคุณได้อย่างอิสระหากคุณรู้สึกสบายใจกับวิธีนั้น
4. การใช้คำศัพท์ที่ยากและซับซ้อนจะสร้างความประทับใจและช่วยให้ได้คะแนนสูงขึ้น
แม้ว่าการใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนอาจช่วยให้ได้คะแนนดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีขีดจำกัด คุณต้องใช้คำเหล่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับบริบทของประโยคและหัวข้อที่กล่าวถึง
นอกจากนี้ คุณไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนมากเพื่อถ่ายทอดความหมาย หากคุณใช้คำเหล่านั้นเกินจำเป็นหรือสะกดผิด อาจส่งผลให้คะแนนลดลง
5. ฉันควรใช้ tenses ให้หลากหลายมากที่สุด
กาล (tenses) คือคำกริยาที่ใช้เพื่อบ่งบอกเวลาหรือความต่อเนื่องของการกระทำ และสามารถเพิ่มสีสันและรายละเอียดให้กับประโยคได้
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการใช้คำซับซ้อน การใช้กาลที่หลากหลายเกินไปทั่วทั้งงานเขียนอาจทำให้ฟังดูแปลก และคุณอาจใช้กาลผิดได้ง่าย
ควรเลือกใช้กาลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่คุณเขียนถึงและยึดมั่นกับการใช้กาลนั้น
6. ฉันต้องใช้การสะกดแบบ British เท่านั้นในการเขียน
นี่เป็นอีกหนึ่งความเชื่อผิด ๆ ที่ไม่ควรเชื่อ คุณสามารถใช้การสะกดคำแบบอเมริกันหรือแบบอังกฤษในข้อสอบการเขียนได้ แนะนำให้ใช้รูปแบบที่คุณถนัดที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณเขียนได้เร็วขึ้น มั่นใจมากขึ้น และใช้เวลาตรวจสอบงานเขียนน้อยลง ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีเวลามากขึ้นในการเน้นเนื้อหาของการเขียน
7. ยิ่งใช้คำเชื่อมมากเท่าไหร่ยิ่งดี
แม้ว่าคำเชื่อมจะช่วยให้การเขียนของคุณลื่นไหลและเพิ่มความต่อเนื่องของความคิดได้ โดยเฉพาะในส่วนที่แสดงการเชื่อมโยงของประโยค
แต่การใช้คำเชื่อมมากเกินไปจะทำให้ผู้อ่านสับสนหรือเสียสมาธิ และทำให้การเขียนดูไม่เป็นธรรมชาติ อาจทำให้การเขียนขาดความต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลลบต่อคะแนนของคุณ
ดังนั้น ควรใช้คำเชื่อมอย่างเหมาะสมเพื่อเชื่อมโยงความคิด แต่ไม่ใช่เพื่อพยายามเพิ่มคะแนน
นอกจากนี้ แบบทดสอบ IELTS Familiarisation test ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าสอบได้มีแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะพบเจอในการสอบ IELTS จริง โดยแบบทดสอบนี้จะรวมคำถามตัวอย่างจากส่วนต่าง ๆ ของการสอบ เช่น การฟัง การอ่าน และการเขียน คุณสามารถทดลองใช้แบบทดสอบนี้ได้ฟรี จากเว็บไซต์ของเรา