ฟรี! รับกระเป๋า จาก IDP IELTS เมื่อสมัครสอบเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2024 อ่านต่อ

Close

IELTS Speaking: วิธีการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ

คุณอาจจะเคยใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการฝึกไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ จดจำศัพท์หรือเรียนรู้สำนวนมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาพูดในสถานการณ์จริง คุณมักได้รับคำตอบว่า “I’m sorry, but can you repeat yourself?” (“ขอโทษที คุณช่วยพูดซ้ำได้ไหม”)

ความสามารถทางด้านภาษานั้นนับจากการพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำซึ่งอาจเป็นเรื่องที่น่าท้อใจสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ และหากคุณกำลังจะสอบ IELTS Speaking แล้วคุณอาจเกิดข้อสงสัยว่าสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณจะทำให้คุณเสียเปรียบหรือไม่ เพื่อตอบคำถามนี้ เรามาเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนาทักษะการพูด โดยสิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจความหมายของคำว่า สำเนียงภาษาอังกฤษที่ 'ดี' ก่อน

สำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีนั้นหมายถึงอะไร?

เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ หลาย ๆ คนพยายามเลียนแบบสำเนียงของเจ้าของภาษา ไม่ว่าจะเป็นสำเนียง UK หรือ US อย่างไรก็ดีในบริบทของการสอบ IELTS Speaking นั้นไม่มีสำเนียงที่ 'ดีที่สุด' หรือสำเนียงที่เป็นที่ต้องการจากผู้สอบ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถของผู้สอบในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • การออกเสียงทั้งพยัญชนะและสระได้อย่างถูกต้อง

  • การออกเสียงสูงต่ำได้อย่างเหมาะสม

  • การเน้นเสียงพยางค์ในคำ

  • จังหวะการพูดที่เหมาะสม

ง่ายๆ คือถึงคุณจะมีสำเนียงภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาแต่ก็มีโอกาสได้คะแนน Band 5 ในการสอบ IELTS Speaking เนื่องจากคำพูดนั้นฟังดูไม่ชัดเจน  ดังนั้นคุณควรมุ่งเน้นไปที่การปรับความชัดเจนของคำพูดด้วยการฝึกฝนอย่างมีกลยุทธ์

ข้อผิดพลาดทั่วไประหว่างการสอบ IELTS Speaking

ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยจากผู้พูดที่ไม่ใช่เจ้าของภาษานั้นมีมากกว่าประเด็นเรื่องพยัญชนะ สระ เสียงสูงต่ำ หรือจังหวะ ซึ่งคุณต้องหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านั้นเมื่อพูดหรือแสดงความเห็นเป็นภาษาอังกฤษ

1. การออกเสียง  "th" เป็น 'd'

ทุกภาษามีเอกลักษณ์เฉพาะของเสียงเนื่องจากชุดเสียงของภาษานั้น ๆ และผู้เรียนภาษาอังกฤษอาจสังเกตุเห็นว่าบางเสียงนั้นไม่มีอยู่ในภาษาแม่ของตัวเอง ซึ่งทำให้ผู้เรียนจำนวนมากอาจแทนที่เสียงภาษาอังกฤษที่ไม่คุ้นเคยเหล่านี้โดยการแทนเสียงที่ใกล้เคียงที่สุดในภาษาแม่ของตน

เช่น คนอินเดียอาจจะออกเสียงในภาษาอังกฤษจาก "th" เป็น "d" หรือ "t" ส่งผลให้คำว่า  "they" ออกเสียงเป็น "day" และคำว่า "thigh" เป็น "tie" เช่นเดียวกันกับคนพูด จีนกลางอาจจะแทนเสียง "th" เป็น "s" ทำให้เปลี่ยนจากคำว่า "something" เป็น "some sing"

วิธีที่จะเอาชนะข้อจำกัดนี้ได้คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเสียงเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร โดยเมื่อต้องการออกเสียง "d" ลิ้นควรสัมผัสเพดานปากด้านหลังฟันหน้า แต่ในการออกเสียง "th" นั้น ลิ้นควรอยู่ระหว่างฟันบนและฟันล่างเมื่อออกเสียง

เมื่อเข้าใจความแตกต่างแล้ว ก็สามารถเริ่มฝึกออกเสียงคู่คำ เช่น "tie/thigh" "day/they" "those/does" และ "sigh/thigh" เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษสำหรับการสอบ IELTS Speaking โดยเคล็ดลับในการฝึกออกเสียงเหล่านี้คือการบันทึกเสียงและทบทวนคำพูดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณออกเสียงได้อย่างถูกต้อง

2. การย่อรูปประโยค

สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษที่ภาษาแม่ใช้โครงสร้างประโยคที่กระชับมากกว่า เช่น ผู้ใช้ภาษาจีนกลางจะละเว้นคำบางคำเมื่อพูดเป็นภาษาอังกฤษ เช่น พูดว่า “Is it?” แทนคำว่า “Is it true?” หรือ “You walk slow” แทนที่จะเป็น “You walk slowly”

แม้ว่าการใช้คำย่อเหล่านี้สามารถสื่อความหมายได้อย่างเข้าใจและถูกยอมรับในการใช้สนทนาทั่วไป ถึงเช่นนั้นก็ยังไม่ถูกตามหลักไวยากรณ์ และอาจส่งผลต่อคะแนนหากใช้ในบริบทการสอบ IELTS ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณทำความคุ้นชินกับ Word forms หรือ Tenses เพื่อให้พูดถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ได้อย่างธรรมชาติมากขึ้น

3. การใช้คำประกอบการสนทนามากเกินไป

การใช้คำประกอบการสนทนา เช่น "uhm" และ  "so" อาจเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญระหว่างการสอบ IELTS Speaking แม้ว่าการใช้คำเหล่านี้อาจดูเหมือนซื้อเวลาให้คุณได้คิดคำตอบ แต่ความเป็นจริงเมื่อใช้บ่อยเกินไปมันจะทำให้คำพูดของคุณดูเยิ่นเย้อ แทนที่จะใช้คำเหล่านี้ คุณอาจจะใช้เวลาสั้น ๆ หยุดและคิดคำตอบ เพื่อให้คำตอบของคุณฟังดูชัดเจนและมั่นใจ

4. การใช้รูปพหูพจน์ผิด

วิธีแปลงคำนามให้อยู่ในรูปพหูพจน์มักเป็นเรื่องยุ่งยากอีกแง่มุมหนึ่งของภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา แม้ว่าคำนามส่วนใหญ่จะเปลี่ยนรูปเป็นพหูพจน์โดยการเติม "s" ต่อท้าย แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่หลายประการ เช่น พหูพจน์ของ "cactus" คือ"cacti" ไม่ใช่"cactuses"  ในขณะที่บางคำเช่น "ox" เปลี่ยนรูปเป็น "oxen" และบางคำนั้นก็ไม่มีรูปพหูพจน์ เช่น "information" และ "furniture"

หากไม่รอบรู้คำเหล่านี้ ความไม่แน่นอนของการเปลี่ยนรูปคำนามอาจทำให้เกิดความสับสนและเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการสอบ IELTS Speaking ได้ ซ้ำการพัฒนาทักษะทางด้านนี้นั้นไม่มีทางลัด ดังนั้นควรอ่านข้อความภาษาอังกฤษให้มากขึ้น และอ่านคำนามพหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิมควบคู่ เช่น man-men foot-feet  ซึ่งความเข้าใจพื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงกรณีพิเศษต่าง ๆ เมื่อพบเจอ

5. ออกเสียงไม่เต็มคำ

สำหรับผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอาจออกเสียงคำศพท์ไม่ครบทุกเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น "cast" เป็น "cas" หรือ "hold" เป็น "hole" ซึ่งเสียงที่หายไปอาจส่งผลต่อความชัดเจนของคำได้  เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียง ก่อนฝึกออกเสียงคุณควรฟังว่าเจ้าของภาษาออกเสียงคำศัพท์นั้นอย่างไร

วิธีพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ

ปัจจุบันนั้นอินเทอร์เน็ตมีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้และแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษมากมาย ซึ่งแหล่งการเรียนรู้เหล่านั้นสามารถเป็นตัวช่วยสำคัญในการปรับการออกเสียงให้พูดภาษอังกกฤษได้ชัดเจนขึ้น 

1. ฟังแล้วพูดตาม

01- IELTS: how to improve my English speaking skills? - SEA

การทำให้ตนเองได้รับรู้ภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอผ่านการฟังเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะทางภาษาและสำเนียง นอกการฟังภาษาอังกฤษเป็นประจำจะพัฒนาการออกเสียงและความเข้าใจสำเนียงต่าง ๆ แล้วยังเป็นประโยชน์ต่อการสอบ IELTS Listening เช่นกัน

หากสงสัยว่าจะเริ่มฝึกอย่างไร เรารวมวิธีฝึกไว้แล้วดังนี้:

  • ดูหนังและวิดีโอ: ดูหนังที่ดูบ่อยๆ เป็นภาษาอังกฤษและเปิดซับไตเติ้ลเพื่อช่วยเรื่องคำศัพท์ก่อน จากนั้นค่อยๆ ปิดซับไตเติ้ลเพื่อให้คุ้นชินกับภาษา

  • ฟังเพลงและพอดแคสต์: ฟังเพลงภาษาอังกฤษที่ชอบ และฝึกพูดคำศัพท์โดยให้ความสำคัญกับการออกเสียง และฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษเพื่อให้เข้าใจน้ำเสียงที่ใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน

2. Tongue twisters 

การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษสามารถทำให้เป็นเรื่องสนุกและท้าทายได้ เช่น การฝึกลิ้นหรือการฝึก Tongue twister โดยการฝึกนั้นช่วยออกกำลังกายกล้ามเนื้อปากและลิ้นจากการเปล่งเสียงที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณอ่านคำศัพท์ยากๆ ได้ดีขึ้น มาลองดูกันว่าคุณจะสามารถเอาชนะความท้าทายได้ดีแค่ไหน! 

3. อัดเสียงตัวเอง

การอัดเสียงตอนฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่กำลังฝึกภาษา อย่างแรกคือเลือกคำที่ออกเสียงยาก ๆ  จากนั้นฟังเจ้าของภาษาพูดในวิดีโอหรือคลิปเสียงก่อนที่จะอัดเสียงพูดตาม อัดเสร็จแล้วนำมาฟังเพื่อพิจารณาเสียงหาความแตกต่างระหว่างการออกเสียงของคุณกับเจ้าของภาษา เน้นจุดที่ต้องปรับและฝึกพูดใหม่และอัดเสียงวนไปจนกว่าคุณจะพอใจกับการออกเสียง นอกจากอัดเสียงแล้วคุณยังสามารถฝึกพูดหน้ากระจกเพื่อสังเกตและปรับรูปปากให้ตรงกับการออกเสียงให้ได้แม่นยำขึ้น

4. พูดช้า ๆ

เมื่อได้คำภาษาอังกฤษที่ต้องฝึกฝนเป็นพิเศษแล้วให้ลองพูดให้ช้าลง การพูดช้า ๆ จะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการใช้เทคนิคการพูดและการออกเสียงที่คุณได้เรียนรู้มาอย่างรอบคอบ มันอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดที่ต้องพูดช้ากว่าปกติแต่วิธีนี้จะช่วยให้คุณจดจำและพูดได้อย่างถูกต้องเมื่อเวลาผ่านไป

5. ใช้จังหวะ น้ำเสียง และเน้นเสียงเมื่อพูด

คุณอาจต้องการขัดเกลาการใช้จังหวะ น้ำเสียง หรือการเน้นเสียงในคำ หากคุณกำลังประสบปัญหาและต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษในเรื่องนี้ คู่มือนี้สามารถช่วยได้คุณได้

ติดตามความคืบหน้าของคุณได้อย่างรวดเร็วและทันใจกับ IDP

IDP มีสื่อออนไลน์มากมายให้คุณสำหรับเตรียมสอบ IELTS และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอป IELTS by IDP ทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการสอบและพยายามให้ได้คะแนนตามเป้า หากพร้อมแล้ว จองการสอบ IELTS ได้ที่นี่!