บทความ Grammar 101 นั้น ปกติแล้วเราจะให้ความสนใจกับคำศัพท์ที่ถูกใช้อย่างสับสน เช่น "its" กับ "it’s" คราวนี้เราจะมาดูเรื่องการผันรูปคำศัพท์ หรือ Verb Tense ซึ่งการผันคำศัพท์จะทำให้เราทราบว่าการกระทำนั้น ๆ อยู่ในช่วงเวลาใด ซึ่งหากเราผันคำศัพท์อย่างไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดความสับสนทางด้านเวลาได้ เราขอแนะนำให้ผู้อ่านทำความคุ้นเคยกับ Tense ต่าง ๆ เนื่องจากกริยาสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ขึ้นอยู่กับ Tense ที่ใช้ กฎทั่วไปสำหรับ simple past tense ง่าย ๆ คือการเติม “ed” ที่ท้ายคำกริยา แต่ไม่ใช่ว่าหลักการนี้จะสามารถใช้ได้กับคำกริยาทุกตัว
เช่นเดียวกับการเรียน IELTS ตอนแรกอาจดูยาก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เข้าใจ Tense ได้อย่างถูกต้อง สิ่งที่ต้องทำคือเข้าใจตรรกะและจดจำโครงสร้างประโยคและกฎทั่วไป หากคุณฝึกฝน เรารับรองเลยว่า Tense จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคุณแน่นอน มาเริ่มกันเลย
Present - ปัจจุบัน
Present Simple
เป็น tense ที่ใช้ระบุเหตุการณ์ การกระทำ และเงื่อนไขที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ หรือมีอยู่ในขณะนี้
“I swim every day.”
“I play football.”
Present Continuous
เป็น tense ที่ใช้สำหรับระบุการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้หรือสำหรับการกระทำที่ยังไม่เสร็จ โดย tense นี้ยังใช้เมื่ออธิบายการกระทำที่เป็นแบบชั่วคราว
“I am swimming in my neighbour’s pool now.”
“She is speaking to my mum at the moment.”
Present Perfect
เป็น tense ที่ใช้ระบุเหตุการณ์ที่เริ่มต้นในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
“I have swum in the sea countless times.”
“I have spoken to her many times.”
Present Perfect Continuous
เป็น tense ที่ใช้แสดงว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในอดีตและดำเนินต่อไปในปัจจุบัน (เน้นความต่อเนื่องของการกระทำ)
“I have been swimming since I was 7 years old.”
“She has been competing in dance competitions lately.”
Past - อดีต
Simple Past
เป็น tense ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต
“Yesterday, I swam 10 laps.”
“Last night, I cooked chicken curry.”
Past Continuous
เป็น tense ที่ใช้ระบุการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในอดีต นอกจากนี้ยังใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่ยังไม่เสร็จซึ่งถูกขัดจังหวะโดยเหตุการณ์หรือการกระทำอื่น
“I was swimming with David last night when Bob arrived.”
“In May, she was teaching in a school in Darwin.”
Past Perfect
เป็น Tense ที่ใช้ระบุว่าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต
“I had swum the breaststroke before I turned 8.”
“He had failed to communicate that he had another wife when we first met.”
Past Perfect Continuous
เป็น tense ที่ใช้เพื่อระบุว่าการกระทำเริ่มต้นในอดีตและดำเนินต่อไปจนถึงจุดหนึ่งในอดีต
“I had been swimming for many years before Priya picked up the sport.”
“Dave had been playing soccer for 10 years when he was offered a spot on the US Olympic team.”
Future - อนาคต
Simple Future
เป็น tense ที่ใช้บรรยายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันแต่คาดหมายหรือมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
“I will swim more than 10 laps tomorrow.”
“You will see her again next week.”
Future Continuous
Tense ที่ใช้บรรยายการกระทำที่ยังไม่เสร็จสิ้น หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและดำเนินต่อไปตามระยะเวลาที่คาดไว้
“I will be swimming in the new Olympic-sized swimming pool on Friday.”
“By December next year, I will be swimming like a fish.”
Future Perfect
เป็น tense ที่ใช้บรรยายการกระทำที่จะแล้วเสร็จในระหว่างเวลาปัจจุบันและช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
“I will have swum at least 1000km by the end of the year”
“He will have built 40 homes by the first quarter of 2018.”
Future Perfect Continuous
เป็น tense ที่ใช้อธิบายการกระทำที่จะดำเนินต่อไปจนถึงช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต
“By noon today, I will have been swimming for 2 hours.”
“In April, Damien will have been working in the company for 10 years.”
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ verb tenses ภาษาอังกฤษได้ในวิดีโอนี้