
TOEFL กับ IELTS แบบไหนดีกว่ากันนะ? หลายคนอาจคุ้นเคยกับการสอบ IELTS ที่เป็นตัวเลือกหลักในการวัดระดับภาษาอังกฤษ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า อาจมีการสอบแบบอื่นที่คุณควรพิจารณาด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับ การสอบ TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language แลกเปรียบเทียบกับการสอบ IELTS
เบื้องต้นการสอบ TOEFL นั้นถูกออกแบบ โดยหน่วยงาน Educational Testing Service (ETS) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วน IELTS นั้นเป็นการสอบที่มีเจ้าของร่วมทั้งสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ได้แก่ IDP Education, British Council และ Cambridge Assessment English
การสอบทั้งสองแบบมีความคล้ายกันในด้านประเภทการสอบ และได้รับการยอมรับในระดับโลก แต่ก็มีความแตกต่างที่ผู้สอบต้องทราบ หากต้องเลือกสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ เราได้แจงข้อมูลของการสอบทั้งสอบแบบมาดังนี้
เลือกให้ถูก ระหว่างการสอบ IELTS และ TOEFL
1. ความแตกต่างระหว่าง IELTS และ TOEFL

หนึ่งในความแตกต่างของการสอบทั้งสอบแบบนี้คือ การวัดมาตรฐานภาษาอังกฤษในการสอบ
เนื่องจาก TOEFL เป็นการสอบที่สร้างโดยประเทศสหรัฐอเมริกา การสอบ TOEFL จึงใช้ภาษาอังกฤษมาตรฐานอเมริกันเป็นหลัก
ส่วนในการสอบ IELTS นั้น ใช้มาตรฐานภาษาอังกฤษจากหลายๆ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทั้งประเทศอังกฤษ อเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกสอบ แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้สอบควรทราบไว้ก่อน
การสอบ IELTS ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที และการสอบ TOEFL ใช้เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
2. ข้อได้เปรียบของรอบแบบการสอบ IELTS
ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้สอบ ทั้งการสอบ IELTS และ TOEFL นั้นมีให้เลือกทั้งการสอบที่ศูนย์สอบ และการสอบออนไลน์ที่บ้าน โดยเป็นการสอบทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง พูด อ่าน และเขียน
ซึ่งรายละเอียดนี้คือสิ่งที่แตกต่าง
ลองดูรายละเอียดความแตกต่างของการสอบทั้งสองแบบในตารางนี้
ทักษะ | IELTS | TOEFL |
การฟัง | วิธีการตอบโจทย์ที่หลากหลาย ทั้ง แบบปรณัย การเติมคำ หรือเติมข้อมูลต่างๆ ในแบบทดสอบ | มีเฉพาะการตอบแบบปรณัย |
การอ่าน | ผู้สอบมีเวลา 60 นาทีในการตอบคำถาม โจทย์แต่ละชุดจะให้ผู้สอบตอบหลายแบบ เช่นการเติมคำ การกรอกข้อมูลในตาราง ผู้สอบสามารถใส่รายละเอียดลงในคำตอบได้อย่างอิสระ | ผู้สอบมีเวลาระหว่าง 54 -72 นาที มีชุดบทความประมาณ 3-5 ชิ้น ที่ผู้สอบต้องอ่านและตอบคำถามแบบปรณัย |
การเขียน | มีโจทย์ 2 ข้อ จำกัดการเขียนที่ 250 คำต่อข้อ | มีโจทย์ 2 ข้อ จำกัดการเขียนที่ 300 คำต่อข้อ |
การพูด | มีการสอบ 3 ส่วน ใช้เวลารวมไม่เกิน 14 นาที ผู้สอบจะได้สอบพูดตัวต่อตัวกับผู้สัมภาษณ์ที่ผ่านการวัดมาตรฐานจาก IELTS ซึ่งอาจเป็นการสอบกับผู้สัมภาษณ์จริงๆ หรือผ่านวีดีโอคอลตามมารฐานของ IELTS | มีการสอบ 4 ส่วน ใช้เวลารวมไม่เกิน 17 นาที ผู้สอบจะได้ฟังเสียงบันทึกการสนทนาหลายๆชุด และต้องตอบผ่านไม่โครโฟน โดยไม่ได้มีการตอบกับบุคคล |
เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาเทีย จะเห็นได้ว่า การสอบ IELTS นั้นมีข้อได้เปรียบกว่าหลายอย่าง
การสอบเขียนนั้นมีความสั้นมากกว่า และการสอบฟังและการสอบอ่านมีความหลากหลายของโจทย์และการตอบคำถาม และในการสอบพูดนั้นใช้คนจริงในการสนทนา และมีชุดคำถามน้อยกว่า
3. การคำนวณคะแนนของ IELTS และ TOEFL

คุณยังสับสนเกี่ยวกับระบบการให้คะแนนของแต่ละการทดสอบหรือเปล่า? แม้ว่าทั้งสองระบบจะมีวิธีคำนวณคะแนนที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นระบบที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับ อย่างไรก็ตาม วิธีการประเมินคะแนนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
นี่คือภาพรวมง่ายๆ เกี่ยวกับการเปรียบเทียบระบบคะแนนของทั้งสองการทดสอบควบคู่ไปกับ Common European Framework of Reference (CEFR) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากลอีกตัวที่ใช้ประเมินทักษะทางภาษา
CEFR | IELTS (9.0) | TOEFL (120) |
B1 | 0-4 | 0-31 |
| 4.5 | 32-34 |
| 5 | 35-45 |
B2 | 5.5 | 46-59 |
| 6 | 60-78 |
| 6.5 | 79-93 |
C1 | 7 | 94-101 |
| 7.5 | 102-109 |
| 8 | 110-120 |
C2 | 8.5 | N/A |
| 9 | N/A |
จากตารางนี้จะเห็นได้ชัดว่า คะแนน IELTS สามารถสูงถึงระดับ C2 ของ CEFR ในขณะที่ TOEFL สูงสุดเพียงระดับ C1 เท่านั้น นั่นหมายความว่า แม้คุณจะมีทักษะภาษาอังกฤษเทียบเท่ากับเจ้าของภาษา แต่ใบรับรอง TOEFL อาจไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ระดับนั้นได้
ในกรณีเช่นนี้ คุณอาจต้องเลือกสอบ IELTS แทน และเมื่อเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัคร อย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดเกี่ยวกับคะแนนสอบภาษาอังกฤษของแต่ละสถาบันให้แน่ชัด
4. ข้อได้เปรียบของการสอบ IELTS
นอกเหนือจากรูปแบบการสอบ คะแนน และประเภทของข้อสอบแล้ว มาดูกันว่าระหว่าง IELTS และ TOEFL การทดสอบใดได้รับการยอมรับในระดับสากลมากกว่ากัน ซึ่งในแง่นี้ IELTS มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยมีสถาบันและองค์กรกว่า 12,000 แห่ง ใน 140 ประเทศทั่วโลก ให้การยอมรับ
นอกจากนี้ IELTS ยังได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย รวมถึงเป็นการสอบที่ หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดาและสหราชอาณาจักรรับรอง
หากคุณมีแผนจะศึกษาต่อในประเทศเหล่านี้ การเลือกสอบ IELTS จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ที่สุด
5. เน้นไปที่การเตรียมตัวและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

เนื่องจาก IELTS เป็นที่รู้จักมากกว่า ในหมู่ผู้สอบและศูนย์สอนภาษา ทำให้มี เนื้อหาเตรียมสอบให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ลองดูสื่อการเรียนรู้เหล่านี้ที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ:
พร้อมเริ่มต้นเส้นทาง IELTS ของคุณแล้วหรือยัง?
สุดท้ายนี้ ไม่มีการสอบใดที่ "ง่ายกว่า" อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ความถนัดส่วนตัว และเงื่อนไขของมหาวิทยาลัยที่คุณต้องการสมัคร
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการการสอบที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำทั่วโลกมากที่สุด IELTS คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
หากคุณตัดสินใจสอบ IELTS IDP พร้อมช่วยเหลือคุณทุกขั้นตอน นอกจากเป็น เจ้าของร่วมอย่างเป็นทางการของ IELTS แล้ว IDP ยังมีศูนย์สอบที่สะดวกและสื่อเตรียมสอบฟรีเพื่อสนับสนุนคุณ
จองสอบ IELTS วันนี้ แล้วเริ่มต้นเส้นทางของคุณไปกับเรา!