The official IELTS by IDP app is here! Download it today.

Close
Img1-Article2-270624

ประโยคไหนที่สร้างภาพชัดเจนในใจของคุณมากกว่า? “รองเท้าคู่นั้นสีเขียว” หรือ “รองเท้าคู่นั้นเขียวเหมือนใบหญ้า”

การสื่อสารในภาษาอังกฤษสามารถทำได้สองระดับ: แบบรูปธรรมและแบบนามธรรม การสื่อสารแบบรูปธรรมเกี่ยวข้องกับการกล่าวข้อเท็จจริงและตรงไปตรงมา ในขณะที่การสื่อสารแบบนามธรรมใช้ภาษาที่เป็นโวหาร เช่น การเปรียบเทียบ การใช้ภาษานามธรรมมักจะต้องการความเข้าใจภาษาอังกฤษที่ลึกซึ้งขึ้น เพราะคุณต้องคุ้นเคยกับการอ้างอิงที่ถูกทำขึ้นเพื่อให้เข้าใจความหมาย

การสามารถรู้จักหรือใช้ภาษานามธรรมหรือภาษาที่เป็นโวหารในการสอบเขียนหรือพูด IELTS เป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้ผู้สอบเห็นว่าคุณเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับที่ซับซ้อนขึ้น แสดงถึงความเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษเพื่อช่วยให้คุณได้คะแนนสูงขึ้น

หนึ่งในวิธีที่จะทำเช่นนั้นคือการใช้โวหาร ซึ่งเป็นภาษาที่เกินความหมายตามตัวอักษรเพื่อสร้างภาพที่ชัดเจนและสื่อความคิดที่ซับซ้อน ในคู่มือนี้ เราจะลงลึกในรายละเอียดของโวหารประเภททั่วไปเช่น การเปรียบเทียบ การอุปมา การให้บุคลิกภาพ การพูดเกินจริง การเล่นคำ และอื่นๆ พร้อมด้วยตัวอย่าง

การเข้าใจโวหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นด้วยการขยายคลังคำศัพท์ของคุณ แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการสอบที่ต้องใช้ความเข้าใจภาษาที่ละเอียดอ่อน เช่น IELTS ซึ่งการเข้าใจภาษาที่มีความซับซ้อนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

การใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำ 

การใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำเป็นโวหารที่เกี่ยวข้องกับการใช้เสียงพยัญชนะต้นที่ซ้ำกันในคำที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งช่วยสร้างเอฟเฟกต์ดนตรี เพิ่มจังหวะและเน้นการเขียน ตัวอย่างเช่น "Peter Piper picked a peck of pickled peppers" ใช้เสียง "p" ซ้ำกัน การใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำแสดงให้เห็นถึงการเล่นภาษาที่ชำนาญและความสามารถในการจับคู่เสียง มันเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ในการเขียน ทำให้เป็นที่จดจำและน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การเล่นภาษานี้มักจะเหมาะสมกับบริบทที่ไม่เป็นทางการหรือส่วนตัวมากกว่า และอาจไม่เหมาะสมสำหรับการเขียนที่เป็นทางการหรือกึ่งทางการ เช่น การสอบ IELTS Academic ดังนั้นเมื่อคุณเขียนงานกึ่งทางการสำหรับการสอบเขียน IELTS Academic ควรหลีกเลี่ยงการใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำเพราะอาจลดความเป็นทางการของการเขียน

การใช้สระเสียงเดียวกันซ้ำ 

การใช้สระเสียงเดียวกันซ้ำเป็นโวหารที่คล้ายกับการใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำ แต่ใช้เสียงสระที่ซ้ำกันในคำที่อยู่ใกล้กันแทน มันสร้างเอฟเฟกต์ดนตรีหรือจังหวะ เพิ่มเนื้อสัมผัสและเสียงก้องในงานเขียน ตัวอย่างเช่น "fleet feet sweep by sleeping geese" ใช้เสียง "ee" ซ้ำกัน เช่นเดียวกับการใช้พยัญชนะเดียวกันซ้ำ การใช้สระเสียงเดียวกันซ้ำช่วยเพิ่มคุณภาพการฟังของงานเขียน ทำให้เป็นท่วงทำนองและแสดงออกได้มากขึ้น การรู้จักและใช้สระเสียงเดียวกันซ้ำเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงถึงความเข้าใจในความงามของภาษาและรูปแบบเสียง แสดงถึงทักษะการเขียนที่มีความสามารถ

การเปรียบเทียบ (Simile) 

การเปรียบเทียบเป็นโวหารทใช้ในการเปรียบเทียบสองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน โดยใช้คำว่า "เหมือน" หรือ "ราวกับ" และสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างภาพในจินตนาการที่ชัดเจน

ตัวอย่างเช่น หากคุณเขียนจดหมายร้องเรียนอย่างเป็นทางการในการสอบ IELTS General Training ใน Writing Task 1 ที่คุณต้องการอธิบายว่าขนมเค้กที่คุณสั่งมาถึงในสภาพที่ไม่ดี คุณอาจอธิบายเค้กว่า “เปียกเหมือนแอ่งน้ำในวันที่ฝนตก” (“as soggy as a puddle on a rainy day”) การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพที่ไม่ดีของเค้ก โดยเน้นความรุนแรงของปัญหาที่คุณต้องการสื่อถึงผู้รับจดหมาย

การใช้การเปรียบเทียบไม่เพียงแค่สร้างภาพในจินตนาการที่ชัดเจนในใจผู้อ่าน แต่ยังช่วยเพิ่มความลึกและสีสันให้กับการบรรยายของคุณ ทำให้ดูเห็นภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้น

การอุปมา (Metaphor) 

การอุปมานั้นต่างจากการเปรียบเทียบ การอุปมาคือการบอกว่าสองสิ่งที่ต่างกันคือสิ่งเดียวกัน โดยไม่ใช้คำว่า "เหมือน" หรือ "ราวกับ" การอุปมาเชิญชวนให้ผู้อ่านเห็นสิ่งที่คุ้นเคยหรือแนวคิดในมุมมองใหม่ๆ เน้นการความจริงหรืออารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น “เวลาเป็นขโมย”("Time is a thief") สื่อถึงความคิดที่ว่าเวลาสามารถขโมยช่วงเวลาและประสบการณ์จากชีวิตเราได้

การเชี่ยวชาญการใช้การอุปมาต้องเข้าใจความคล้ายคลึงกันระหว่างสิ่งที่ถูกเปรียบเทียบและสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันผ่านความคล้ายคลึงนั้น ในการสอบเขียนหรือพูด IELTS การใช้การอุปมาจะแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และความหลากหลายทางภาษา ช่วยให้คุณได้คะแนนสูงขึ้นในความเชี่ยวชาญทางภาษา

ดาวน์โหลดแอป IELTS by IDP เพื่อรับคลังความรู้ภาษาอังกฤษฟรีเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น โวหาร เพื่อช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษของคุณ

การให้บุคลิกภาพ (Personification) 

การให้บุคลิกภาพเป็นการให้คุณสมบัติหรือการกระทำของมนุษย์แก่สิ่งที่ไม่มีชีวิต สัตว์ หรือแนวคิดที่เป็นนามธรรม โดยการให้ชีวิตกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต การให้บุคลิกภาพเพิ่มความลึกและอารมณ์ให้กับการเขียน ทำให้คำบรรยายมีชีวิตชีวาและน่าอ่านมากขึ้น ตัวอย่างเช่น “ลมกระซิบความลับผ่านต้นไม้” ("The wind whispered secrets through the trees")ทำให้ลมมีคุณสมบัติเหมือนมนุษย์ที่เป็นการเก็บความลับและความใกล้ชิด

การรู้จักและใช้การให้บุคลิกภาพในการเขียนของคุณจะเพิ่มความสมบูรณ์และลักษณะเฉพาะตัว ดึงดูดผู้ชมและเพิ่มความสามารถในการแสดงออกทางความคิดของคุณ แม้ว่าคุณอาจไม่ใช้การให้บุคลิกภาพในการตอบคำถามของการสอบ IELTS แต่การสามารถระบุการใช้โวหารนี้ในบริบทต่างๆ แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถถอดรหัสภาษาที่ละเอียดอ่อนและเข้าใจความหมายจากบริบทได้

การเลียนเสียง (Onomatopoeia) 

การเลียนเสียงคือการใช้คำที่เลียนแบบเสียงที่มันแทนที่ โวหารนี้ช่วยทำให้การเขียนบรรยายมีชีวิตชีวาขึ้นโดยการสร้างภาพและประสบการณ์ทางการได้ยิน 

ตัวอย่างเช่น "buzz" หรือ "hiss" เลียนเสียงของแมลงหรือไอน้ำตามลำดับ การใช้คำเลียนเสียงช่วยเพิ่มความชัดเจนในการบรรยาย ทำให้ดูสมจริงและน่าสนใจยิ่งขึ้น การใช้คำเลียนเสียงในการสอบเขียนหรือพูด IELTS แสดงถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งในสัญลักษณ์เสียงและภาษาที่สัมผัสได้ ซึ่งบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในภาษาและทักษะภาษาอังกฤษขั้นสูง

การใช้อุปมา (Synecdoche) 

การใช้อุปมาเป็นโวหารที่ใช้ส่วนเล็กๆ เพื่อแทนสิ่งที่ใหญ่ขึ้น หรือในทางกลับกัน มันเพิ่มความลึกและความซับซ้อนให้กับภาษาโดยช่วยให้ผู้เขียนสามารถสื่อแนวคิดที่เป็นนามธรรมผ่านภาพที่เป็นรูปธรรม

ตัวอย่างเช่น ในประโยค “ฉันไปรับชุดล้อใหม่จากพนักงานขายรถมือสองเมื่อวานนี้” “I picked up my new set of wheels from the used car salesman yesterday” คำว่า ‘ล้อ’ หมายถึงรถทั้งคัน ไม่ใช่แค่ล้อแต่ละล้อ การรู้จักการใช้อุปมาแสดงถึงความสามารถในการเข้าใจการแทนที่เชิงสัญลักษณ์และการสรุปความหมายจากบริบท แสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาและการเข้าใจความละเอียดอ่อนของการแสดงออก

การใช้คำเปรียบ (Metonymy) 

การใช้คำเปรียบเป็นโวหารที่ใช้คำหนึ่งแทนอีกคำหนึ่งที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด มันเพิ่มความสมบูรณ์และความลึกให้กับภาษาโดยช่วยให้ผู้เขียนสามารถสื่อแนวคิดหรือไอเดียที่กว้างขึ้นได้โดยทางอ้อม ตัวอย่างเช่น การใช้คำว่า "ทำเนียบขาว" ("the White House") เพื่อแทนรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ “ซิลิคอนวัลเลย์” (“Silicon Valley”) เพื่อแทนอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การรู้จักการใช้คำเปรียบแสดงถึงความสามารถในการเข้าใจและตีความภาษาที่เป็นสัญลักษณ์ แสดงถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการอ้างอิงทางวัฒนธรรมและความหมายแฝง แสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาและความรู้ทางวัฒนธรรม

การกล่าวเกินจริง (Hyperbole) 

การกล่าวเกินจริงเป็นโวหารที่ใช้การพูดเกินความจริงเพื่อเน้นหรือสร้างผลกระทบ มันขยายความเป็นจริงเพื่อสื่ออารมณ์ที่รุนแรงหรือเน้นจุดสำคัญ ตัวอย่างเช่น "ฉันบอกคุณล้านครั้งแล้ว!" ("I've told you a million times!") เป็นการกล่าวเกินจริงเพื่อแสดงความหงุดหงิดหรือความโกรธในขณะที่ไม่สมจริง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่บอกใครบางคนล้านครั้ง

การใช้การกล่าวเกินจริงในการเขียนของคุณจะเพิ่มสีสัน ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและสร้างปฏิกิริยาทางอารมณ์ เมื่อใช้การกล่าวเกินจริงในการสอบ IELTS ควรเน้นการเปรียบเทียบเกินจริงและใช้ภาษาที่สร้างสรรค์เพื่อทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น:

  • ไม่มีการกล่าวเกินจริง: “ฉันรอที่นี่มาเป็นชั่วโมงแล้ว!”  “I’ve been waiting here for an hour!”

  • มีการกล่าวเกินจริง: “ฉันรอที่นี่มาเป็นปีแล้ว!”  “I’ve been waiting here for years!”

  • มีการกล่าวเกินจริงและภาษาที่สร้างสรรค์: “ฉันรอที่นี่มาตั้งแต่เฟซบุ๊กถูกสร้างขึ้นมาแล้ว!” “I’ve been waiting here since Facebook was created!”

คำผสมขัดแย้ง (Oxymoron) 

คำผสมขัดแย้งเป็นโวหารที่ใช้การรวมคำที่ขัดแย้งกันเพื่อสร้างผลกระทบที่ดราม่าหรือประชดประชัน มันเพิ่มความซับซ้อนและความลึกให้กับภาษาด้วยการเน้นความขัดแย้งและความตึงเครียด ตัวอย่างเช่น "หวานขม" รวมรสชาติที่ขัดแย้งกันของ "หวาน" และ "ขม" เพื่อสื่อถึงอารมณ์ที่หลากหลาย การใช้คำผสมขัดแย้งเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับการเขียน สร้างความคิดและปฏิกิริยาทางอารมณ์ มันสามารถแสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาและเครื่องมือเชิงวาทศิลป์ แสดงให้ผู้สอบเห็นถึงความชำนาญในการใช้ภาษาผ่านการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

คำอ้อม (Euphemism) 

คำอ้อมเป็นโวหารที่ใช้แทนคำที่รุนแรงหรือไม่พึงประสงค์ด้วยคำที่เบากว่าหรือทางอ้อม มันมักถูกใช้เพื่อลดผลกระทบของเรื่องที่ละเอียดอ่อนหรือเป็นที่ต้องห้าม ตัวอย่างเช่น การพูดว่า "จากไปแล้ว" "passed away" แทนที่จะพูดว่า "ตาย" เป็นการใช้คำอ้อม การใช้คำอ้อมแสดงถึงความละเอียดอ่อนและการพิจารณาความรู้สึกของผู้อื่น แสดงถึงความสามารถในการจัดการกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนด้วยความอ่อนโยนและความมีมารยาท การรู้จักและใช้คำอ้อมในภาษาอังกฤษไม่เพียงแต่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ทางภาษา แต่ยังแสดงถึงความเข้าใจทางวัฒนธรรมและอารมณ์ที่สูงขึ้น แสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาในระดับสูง

การเล่นคำ (Puns) 

การเล่นคำเป็นการใช้คำที่มีหลายความหมายหรือเสียงของคำเพื่อสร้างความตลกหรือเน้นแนวคิด การเล่นคำเพิ่มความฉลาดและความสร้างสรรค์ให้กับภาษา มักจะทำให้ผู้อ่านยิ้มและหัวเราะ

ตัวอย่างเช่น การเล่นคำว่า "I used to be a baker, but I couldn't make enough dough" คำว่า “dough” ที่นี่มีสองความหมาย:

  • ความหมายตามตัวอักษร: “Dough” หมายถึงแป้งที่ผสมกับน้ำใช้ทำขนมปัง คนทำขนมต้องทำแป้งให้พอเพื่ออบขนมและขายขนม หากไม่สามารถทำแป้งได้พอก็จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้

  • ความหมายเชิงเปรียบเทียบ: “Dough” ยังมีความหมายแสลงว่าคือเงิน ดังนั้นวลี “couldn't make enough dough” หมายถึงไม่สามารถหาเงินได้พอที่จะใช้ชีวิต

ดังนั้น การเล่นคำนี้แสดงว่าคนทำขนมไม่สามารถทำแป้งได้พอ (ตามตัวอักษร) หรือหาเงินได้พอ (เชิงเปรียบเทียบ) ทำให้ธุรกิจล้มเหลว

การใช้การเล่นคำในการเขียนของคุณแสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาและความสามารถในการเล่นคำ ทำให้เนื้อหาของคุณน่าสนใจและน่าจดจำมากขึ้น นอกจากนี้ยังแสดงถึงความเข้าใจในความหมายที่ละเอียดอ่อนของภาษาและอารมณ์ขัน แสดงถึงความชำนาญในภาษาอังกฤษขั้นสูง อย่างไรก็ตาม การเล่นคำอาจเป็นหนึ่งในโวหารที่ยากที่สุดที่จะใช้ในการสอบ IELTS เพราะต้องการให้ทั้งคุณและผู้สอบเข้าใจความหมายที่หลากหลายที่สื่อออกมา หากใช้ไม่สำเร็จ การเล่นคำที่ไม่ดีอาจดูเป็นเรื่องตลกไม่สำเร็จหรือดูใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่ดีมากเท่าทีควร

การเสียดสี (Irony) 

ถัดจากการเล่นคำ การเสียดสีเป็นโวหารอีกประเภทหนึ่งที่อาจเข้าใจยากและใช้ยาก การเสียดสีเกิดขึ้นเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่คาดหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มักใช้เพื่อสร้างความตลกหรือดราม่า มันเพิ่มความลึกและความซับซ้อนให้กับภาษา โดยสื่อความหมายที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน

ตัวอย่างเช่น การพูดว่า "What a beautiful day" เมื่อคุณอยู่กลางพายุฝนฟ้าคะนองเป็นการเสียดสี เพราะพายุฝนฟ้าคะนองจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ การเข้าใจการเสียดสีต้องการการเข้าใจบริบทและความหมายที่แฝงอยู่พร้อมกับความสามารถในการเข้าใจการเสียดสีในระดับหนึ่ง การใช้การเสียดสีอย่างสำเร็จแสดงถึงความเข้าใจที่ซับซ้อนในความหมายที่ละเอียดอ่อนของภาษาและบริบททางวัฒนธรรม แสดงถึงความชำนาญในการใช้ภาษาและทักษะการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม การใช้การเสียดสีไม่สำเร็จอาจดูแปลกได้

การเชี่ยวชาญโวหารและอื่นๆ เพื่อความเป็นเลิศในการสอบ IELTS 

Img2-Article2-270624

หากคุณดูภาพยนตร์เพื่อเพิ่มความชำนาญในภาษาอังกฤษหรือบริโภคสื่อสร้างสรรค์อื่นๆ ในภาษาอังกฤษ คุณจะพบและต้องเข้าใจโวหาร การเชี่ยวชาญโวหารจะช่วยยกระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคุณและพัฒนาทักษะการสื่อสาร ไม่ว่าคุณจะเขียนเรียงความ เข้าร่วมการสนทนา หรือทำการทดสอบเช่นการสอบ IELTS คุณจะสามารถเปิดประตูสู่การแสดงออกที่ซับซ้อนและการเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น

เพื่อสนับสนุนการเดินทางทางภาษาของคุณเพิ่มเติม เราอยากให้คุณลองสำรวจเนื้อหาการเตรียมสอบ IELTS อย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ออนไลน์ที่ครอบคลุม เนื้อหาชั้นเรียน IELTS และแบบทดสอบ IELTS ออนไลน์ฟรี โดย IDP ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมของ IELTS และประเมินทักษะภาษาของคุณว่าเติบโตไปถึงระดับไหน!

จองการสอบ IELTS ของคุณวันนี้และเตรียมพร้อมสู่ความเป็นเลิศในการใช้ภาษาได้เลย

Chat with us