ฟรี! รับกระเป๋าจาก IDP IELTS เมื่อสมัครสอบเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2024 อ่านต่อ
พร้อมจะก้าวต่อไปในเส้นทางการศึกษาและอาชีพของคุณหรือยัง การแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญ และการทดสอบสองประเภทที่คุณควรพิจารณาคือการสอบ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) และการสอบ IELTS (International English Language Testing System) แต่ระบบการให้คะแนนของทั้งสองการสอบนี้แตกต่างกันอย่างไร และแบบใดที่เหมาะสมกับคุณ
เราจะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างคะแนน TOEFL และ IELTS โดยเน้นจุดสำคัญต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจประเด็นเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและตัดสินใจเลือกการสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับคุณ
การทำความเข้าใจระบบการให้คะแนนของ TOEFL เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการแสดงความสามารถทางภาษาอังกฤษ การสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ การอ่าน การฟัง การพูด และ การเขียน โดยแต่ละส่วนจะมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน รวมแล้วผู้สอบจะได้คะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 120 คะแนน
การอ่าน (Reading): วัดความสามารถในการเข้าใจและวิเคราะห์ข้อความเชิงวิชาการ คะแนนแบ่งออกเป็น 0–30 โดยระดับความสามารถคือ:
Advanced (ระดับสูง) (24–30)
High-Intermediate (ระดับกลางสูง) (18–23)
Low-Intermediate (ระดับกลางต่ำ) (4–17)
Below Low-Intermediate (ต่ำกว่าระดับกลางต่ำ) (0–3)
การฟัง (Listening): วัดความสามารถในการเข้าใจบทสนทนาและการบรรยายในภาษาอังกฤษ คะแนนแบ่งออกเป็น 0–30 โดยระดับความสามารถคือ:
Advanced (ระดับสูง) (22–30)
High-Intermediate (ระดับกลางสูง) (17–21)
Low-Intermediate (ระดับกลางต่ำ) (9–16)
Below Low-Intermediate (ต่ำกว่าระดับกลางต่ำ) (0–8)
การพูด (Speaking): วัดความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ คะแนนแบ่งออกเป็น 0–30 โดยระดับความสามารถคือ:
Advanced (ระดับสูง) (25–30)
High-Intermediate (ระดับกลางสูง) (20–24)
Low-Intermediate (ระดับกลางต่ำ) (16–19)
Basic (พื้นฐาน) (10–15)
Below Basic (ต่ำกว่าพื้นฐาน) (0–9)
การเขียน (Writing): วัดความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ คะแนนแบ่งออกเป็น 0–30 โดยระดับความสามารถคือ:
Advanced (ระดับสูง) (24–30)
High-Intermediate (ระดับกลางสูง) (17–23)
Low-Intermediate (ระดับกลางต่ำ) (13–16)
Basic (พื้นฐาน) (7–12)
Below Basic (ต่ำกว่าพื้นฐาน) (0–6)
เพื่อให้ได้คะแนน TOEFL ที่ดีโดยรวม ผู้สอบควรตั้งเป้าคะแนนรวมเกิน 100 ซึ่งมักแสดงถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับสูงที่เหมาะสำหรับการเรียนและการทำงานในสภาพแวดล้อมวิชาการหรือวิชาชีพ.
คะแนน IELTS Band มีช่วงตั้งแต่ 1 ถึง 9 แต่ละระดับสะท้อนถึงความสามารถของผู้เข้าสอบในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ซึ่งช่วยให้องค์กรและนายจ้างเข้าใจว่าผู้สมัครสามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษได้ดีเพียงใด
Band 1 (Non-User): ไม่มีความสามารถในการใช้ภาษา ยกเว้นคำศัพท์ไม่กี่คำ
Band 2 (Intermittent User): สามารถสื่อสารข้อมูลพื้นฐานและความต้องการได้อย่างยากลำบาก
Band 3 (Extremely Limited User): เข้าใจและสื่อสารความหมายทั่วไปในสถานการณ์ที่คุ้นเคยเท่านั้น และมักเกิดการสื่อสารที่ไม่ราบรื่น
Band 4 (Limited User): มีความสามารถพื้นฐานในสถานการณ์ที่คุ้นเคย แต่มีปัญหาบ่อยในการทำความเข้าใจและการสื่อสาร
Band 5 (Modest User): มีความสามารถบางส่วนในการใช้ภาษา เข้าใจความหมายโดยรวมในหลายสถานการณ์ แต่มีโอกาสที่จะทำผิดพลาดมาก
Band 6 (Competent User): มีความสามารถในการใช้ภาษาที่มีประสิทธิภาพโดยรวม แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดหรือการใช้ที่ไม่ถูกต้องบ้าง แต่สามารถใช้และเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้ในสถานการณ์ที่คุ้นเคย
Band 7 (Good User): สามารถใช้ภาษาได้ดี มีข้อผิดพลาดหรือการใช้ที่ไม่ถูกต้องบ้าง แต่จัดการกับภาษาที่ซับซ้อนได้ดีและเข้าใจเหตุผลอย่างละเอียด
Band 8 (Very Good User): มีความสามารถในการใช้ภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แต่สามารถจัดการกับการโต้แย้งที่ซับซ้อนได้อย่างดี
Band 9 (Expert User): มีความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างสมบูรณ์ ถูกต้อง เหมาะสม และเข้าใจได้อย่างเต็มที่
คะแนนเหล่านี้ให้การวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับคะแนน TOEFL การเข้าใจคะแนนเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมตัวและบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาหรืออาชีพที่คุณตั้งไว้ได้
เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าคะแนน TOEFL แปลเป็นคะแนน IELTS Band Score อย่างไร เราได้จัดทำตารางเปรียบเทียบด้านล่าง การเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจว่าการสอบแบบใดเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด โดยอิงจากคะแนนเป้าหมายสำหรับข้อกำหนดด้านการศึกษาและวิชาชีพ
คะแนน TOEFL iBT | IELTS Band Score |
118-120 | 9 |
115-117 | 8.5 |
110-114 | 8 |
102-109 | 7.5 |
94-101 | 7 |
79-93 | 6.5 |
60-78 | 6 |
46-59 | 5.5 |
35-45 | 5 |
32-34 | 4.5 |
0-31 | 0-4 |
ทั้ง TOEFL และ IELTS มีอัตราการผ่านที่แตกต่างกันตามข้อกำหนดของสถาบันต่าง ๆ โดยคะแนน "ผ่าน" มักขึ้นอยู่กับความต้องการของมหาวิทยาลัย นายจ้าง หรือหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องการคะแนน TOEFL ขั้นต่ำประมาณ 80-100 ซึ่งเทียบเท่ากับคะแนน IELTS Band 6.5-7.5 การเข้าใจเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและเตรียมตัวสำหรับการสอบทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งการสอบ TOEFL และ IELTS ในประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างสูง แต่มีความแตกต่างในด้านการยอมรับหลักของแต่ละการสอบ
คะแนน TOEFL ส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ทำให้การสอบนี้มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ตั้งเป้าหมายจะศึกษาต่อในสหรัฐ แม้ว่าจะมีองค์กรในแคนาดาและออสเตรเลียที่รับรองผลสอบ TOEFL ด้วย แต่ความนิยมหลักของการสอบนี้ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา
ในทางกลับกัน การสอบ IELTS ได้รับการยอมรับในระดับโลกมากกว่า มหาวิทยาลัยและองค์กรในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และอีกหลายภูมิภาคในยุโรปและเอเชียให้การยอมรับ นอกจากนี้ IELTS ยังเป็นที่นิยมในการใช้สำหรับการยื่นเรื่องขอย้ายถิ่นฐานในประเทศอย่างสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา
ด้วยเหตุนี้ การเลือกการสอบที่มีระบบการให้คะแนนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจึงมีข้อดีอย่างมาก ซึ่งช่วยให้ผู้สอบสามารถใช้ผลสอบของตนในการสมัครเรียน รับรองวิชาชีพ หรือยื่นเรื่องขอย้ายถิ่นฐานในหลายประเทศ ทำให้การสอบของคุณมีคุณค่าในหลายบริบทและภูมิภาค การสอบทั้ง TOEFL และ IELTS จึงเป็นตัวเลือกที่หลากหลายและคุ้มค่าสำหรับหลาย ๆ คน
เมื่อเลือกสอบระหว่าง TOEFL และ IELTS การได้สำรวจเรื่องราวความสำเร็จของผู้ที่ใช้ผลสอบเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาและอาชีพสามารถช่วยในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
“IELTS เป็นการสะท้อนความสามารถทางภาษาอังกฤษที่แม่นยำ ฉันสอบ IELTS ในปี 2007 และได้คะแนน Band 6.5 ฉันเตรียมตัวสอบอย่างหนักโดยการลงทะเบียนคอร์สเตรียมสอบที่ Australian Centre for Education (ACE) ซึ่งเป็นโครงการของ IDP Education ที่นี่ฉันได้รับคำแนะนำและกลยุทธ์มากมายจากครูและผู้สอบที่มีประสบการณ์และคุณวุฒิสูง ฉันยังพยายามทำความคุ้นเคยกับกฎและรูปแบบการสอบ ซึ่งพบว่าหนังสือ IELTS Information for Candidates และ Notice to Candidates มีประโยชน์มาก นอกจากนี้ ฉันยังฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบตัวอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ฉันมีแผนจะสอบ IELTS อีกครั้งในช่วงสิ้นปีการศึกษาสุดท้าย เพราะฉันตั้งใจจะสมัครทุนการศึกษาออสเตรเลียเพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในฝันของฉันคือ University of Melbourne ฉันยอมรับเลยว่า IELTS เป็นตัวชี้วัดและกำหนดมาตรฐานใหม่ในการทดสอบภาษาอังกฤษแน่นอนว่าการสอบนี้ให้ผลลัพธ์ที่สะท้อนความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้สอบได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้การสอบนี้มีชื่อเสียงในด้านความยุติธรรมและประสิทธิภาพ ที่สำคัญที่สุด การสอบนี้เป็นสะพานเชื่อมให้ฉันได้ศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาและสร้างอนาคตทางอาชีพในฝัน”- Eng Ramin
“จากการได้คะแนนที่ต้องการใน IELTS เป็นก้าวแรกที่ช่วยให้ฉันสมัคร PR ได้ ฉันตั้งตารอที่จะทำให้ออสเตรเลียเป็นบ้านถาวรของครอบครัวเรา”- Namrata Patil
“หลังจาก 10 เดือนที่ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในออสเตรเลีย ฉันตัดสินใจทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของฉัน ด้วยคะแนน IELTS (6.5) ฉันสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษและพิสูจน์ความสำเร็จของประสบการณ์ที่ได้รับในออสเตรเลีย ผลการสอบออกเร็วมาก ซึ่งดีมากสำหรับฉัน มันสำคัญมากที่ฉันต้องแสดงให้เห็นว่าปีที่ฉันใช้ไปนั้นคุ้มค่า IELTS เป็นส่วนสำคัญของโอกาสนี้” - Lydia
เรื่องราวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ IELTS ในการเปิดโอกาสทางการศึกษาและชีวิตอาชีพของผู้คนในหลายๆ ด้าน
พร้อมที่จะก้าวต่อไปในการศึกษาต่อ ทำงาน หรือย้ายถิ่นฐานต่างประเทศแล้วหรือยัง? ติดต่อ IDP วันนี้เพื่อรับการสนับสนุนในการบรรลุเป้าหมายทางทักษะภาษาอังกฤษของคุณ
ที่ปรึกษาด้านการศึกษาที่มีความรู้ของเราพร้อมช่วยคุณเข้าใจการสอบ TOEFL และ IELTS โดยให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลและทรัพยากรที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับ TOEFL ในการฝึกการออกเสียงสำหรับส่วนการพูด หรือการฝึกไวยากรณ์รูปประโยคต่างๆ ทีมงานของเราพร้อมสนับสนุนคุณ หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการเลือกการสอบที่เหมาะสม การเตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการทำความเข้าใจคะแนนสอบและค้นหาวันสอบ TOEFL เรามุ่งมั่นที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในทุกขั้นตอน
ติดต่อเราได้เลยที่ โทรศัพท์: 02 011 8688 หรือ LINE: @ieltsthailand