หากพูดถึงการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษแล้ว IELTS (International English Language Testing System) นั้นถือเป็นผู้นำในด้านนี้ ด้วยการที่ IELTS มีศูนย์สอบมากว่า 140 ประเทศทั่วโลก และได้รับการยอมรับจากองกรณ์กว่า 11,500 แห่งรอบโลก ตามมาด้วยการสอบ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) ส่วนการสอบ PTE (Pearson Test of English) ถือเป็นการวัดระดับภาษารูปแบบใหม่
หากจะถามว่าแล้วอันไหนง่ายที่สุดนั้นเราคงไม่สามารถตอบได้ คุณอาจต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกณฑ์การให้คะแนน เพื่อที่จะได้ทราบว่าการสอบแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
IELTS
แน่นอนว่าการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษนี่นิยมมากที่สุด คือ IELTS นั้นใช้มีการให้คะแนนเป็นขั้น การให้คะแนนจะแบ่งเป็นระดับคะแนน (Bands) จาก 0 ถึง 9 ระดับคะแนนนั้นจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ การอ่าน ฟัง เขียน และการพูด รวมถึงคะแนนรวมด้วย
การให้คะแนนจะคำนวนให้อยู่ระหว่างจำนวนเต็ม และ 0.5 เช่นหากคุณได้คะแนนดิบที่ 6.75 ระบบจะทำการปัดขึ้นให้เป็น 7.0
ระดับคะแนนที่ 9 นั้นหมายถึงผู้สอบมีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูงสุด สามารถสนทนาอย่างคล่องแคล่วและตรงประเด็น ระดับคะแนน 5 หมายถึง ผู้สอบนั้นมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน แต่ยังไม่สามารถใช้หรือเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับที่ซับซ้อนได้
TOEFL
การทดสอบ TOEFL เป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2507 (IELTS เริ่มในปี พ.ศ. 2523) การสอบ TOEFL ยังให้คะแนนสำหรับการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูดเช่นเดียวกับ IELTS
แต่ละส่วนของการสอบ TOEFL จะถูกตั้งคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 30 ซึ่งหมายความว่าผู้สอบสามารถที่จะได้คะแนนรวมได้สูงสุด 120 คะแนน ซึ่งไม่เหมือนกับ IELTS และคะแนน TOEFL ของคุณจะไม่ถูกปัดเป็นคะแนนที่ใกล้ 0.5 อย่างไรก็ตามผู้สอบก็จะยังได้คะแนนดิบ และคะแนนที่ถูกจัดมาแล้ว
คะแนนดิบมาคือคะแนนที่ผู้สอบจะได้เมื่อตอบถูกในแต่ละส่วน กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้ามีคำถาม 34 ข้อเช่นเดียวกันและผู้สอบตอบถูก 30 ข้อ คะแนนที่คำนวณมาจะเป็น 30 คะแนน
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งผู้สอบจะเห็น - สิ่งที่ผู้สอบจะเห็นคือคะแนนที่ถูกจัดเรียงลำดับใหม่ (scaled score) แทน
การจัดคะแนนใหม่มีเพื่อให้ผู้สอบทุกคนได้คะแนนที่เป็นธรรมที่สุด เพราะผู้สอบบางคนอาจได้ข้อสอบที่ยากกว่าคนอื่น และคะแนนจะถูกปรับให้เกิดความเท่าเทียมกัน
ดังนั้นสำหรับการคำนวณคะแนนสอบ IELTS ซึ่งปัดเฉลี่ยไปที่ 0.5 อาจทำให้ดูว่าผลสอบอาจได้คะแนนไม่เท่าเทียมกับผู้ที่สอบโดยใช้ระบบของ TOEFL
PTE
การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษรูปแบบใหม่ล่าสุด เริ่มเมื่อปี 2009 การวัดผลการสอบ PTE นั้นวัดจากระบบของตนเองที่เรียกว่า Global Scale of English ซึ่งให้คะแนน ตั้งแต่ 10 ถึง 90 ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณได้ 90 คะแนน แสดงว่าคุณมีทักษะภาษาอังกฤษเชี่ยวชาญมากที่สุดแล้ว และทาง PTE นั้นเชื่อว่าระบบการให้คะแนนเช่นนี้นั้นแม่นยำมากที่สุด
ซึ่งการให้คะแนนนั้นจะต่างจากการสอบ IELTS ที่ให้คะแนนจากทักษะสี่สุดได้แก่ การอ่าน ฟัง เขียนและการพูด โดยการสอบ PTE จะวัดผลจากความเชี่ยวชาญในการพูด การออกเสียง การสะกดคำ และศัพท์ที่ใช้ ความไม่ซับซ้อน และความโปร่งใสของการให้คะแนนสอบ IELTS นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้สอบนิยมมากกว่า PTE
นอกจากระบบการให้คะแนนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ
สอบแบบคอมพิวเตอร์ หรือแบบกระดาษ
PTE และ TOEFL นั้นมีการจัดสอบแบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในการสอบ IELTS คุณสามารถเลือกได้ระหว่างการสอบแบบคอมพิวเตอร์ หรือแบบกระดาษ ซึ่งอาจเป็นส่วนสำคัญสำหรับผู้สอบหลายๆ คนที่ถนัดเขียนมากกว่าการพิมพ์ตอบในการสอบ
การสอบกับคนจริงๆ
ในส่วนการสอบ Speaking นั้นมีความแตกต่างกันสำหรับการสอบแต่ละแบบ
ในการสอบ IELTS คุณจะได้สอบพูดกับคนจริงๆ ในห้องสอบแบบตัวต่อตัว ซึ่งหากคุณได้ยินไม่ชัดเจน คุณสามารถขอให้ผู้สัมภาษณ์ทวนคำถามได้ และคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสำเนียงของคุณ เพราะผู้สัมภาษณ์ของ IELTS นั้น ได้รับการอบรมเพื่อให้เข้าใจสำเนียงหลายๆ แบบ
สำหรับการสอบ PTE และ TOEFL ในส่วน Speaking นั้น คุณต้องตอบคำถามเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ คำถามและข้อมูลต่างๆ จะเป็นการเปิดบันทึกเสียงให้ผู้สอบฟัง หากคุณคุ้นเคยกับการสอบกับคนจริงๆ มากกว่า การสอบ IELTS เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
ประเภทของคำถาม
TOEFL นั้นเป็นการตอบคำถามแบบปรณัย แต่การสอบ IELTS และ PTE นั้นจะมีการผสมกันระหว่างโจทย์แบบปรณัย และการตอบแบบกรอกคำตอบสั้นๆ
---
และทั้งหมดนี้ คือความเหมือน และแตกต่างของการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษแต่ละประเภท เลือกประเภทการสอบที่เหมาะกับคุณ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และโชคดีในการสอบ!