อัปคะแนน IELTS ด้วย IELTS One Skill Retake - ดูเพิ่มเติม

Close
Img1-Article9-150725

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของแคนาดา ท่ามกลางบรรยากาศการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยพลัง สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและเพื่อนร่วมชั้นจากหลากหลายวัฒนธรรม ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและส่งเสริมทั้งนวัตกรรมและความร่วมมือ ความฝันนี้สามารถกลายเป็นจริงได้ หากคุณตั้งเป้าไว้ที่การเรียนต่อในดินแดน Great White North พร้อมกับคะแนน IELTS อยู่ในมือ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังวางแผนเรียนต่อแคนาดาไม่สามารถมองข้ามการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของนโยบายวีซ่าได้ หลังจากที่ทางแคนาดาประกาศ แผนระดับการอพยพของ IRCC ประจำปี 2025–2027 (Immigration Levels Plan)

กฎและการอัปเดตใหม่ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการขอวีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน ไม่ว่าคุณจะวางแผนเรียนที่ออนแทรีโอหรือวิกตอเรีย การรู้ทันข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนอาจมีผลต่อแผนของคุณโดยตรง และคะแนน IELTS ที่แข็งแกร่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูสู่การขอ Study Permit ของแคนาดา รวมถึงโอกาสในอนาคตอีกมากมาย!

ทำความเข้าใจข่าวสารวีซ่านักเรียนแคนาดาประจำปี 2025

อัปเดตสำคัญที่นักเรียนต่างชาติควรรู้ จากประกาศล่าสุดโดยทางการแคนาดา:

1. การปรับลดจำนวนผู้ถือวีซ่านักเรียนต่างชาติ

หนึ่งในเปลี่ยนแปลงสำคัญภายใต้กฎใหม่ของแคนาดาสำหรับนักเรียนต่างชาติ คือการลดจำนวนวีซ่านักเรียนที่ออกให้ในปี 2025 และ 2026 โดยในปี 2025 รัฐบาลตั้งเป้าลดลง 10% จากจำนวนเป้าหมายของปี 2024 ที่เคยอยู่ที่ 485,000 ฉบับ เหลือ 437,000 ฉบับ และในปี 2026 จะคงจำนวนการออกวีซ่าไว้ในระดับเดียวกับปี 2025

การจำกัดจำนวนวีซ่านักเรียนครั้งนี้หมายถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นสำหรับผู้สมัคร แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนว่า รัฐบาลแคนาดาต้องการคัดเลือกนักเรียนต่างชาติที่มีความพร้อมและมีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับวีซ่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการศึกษา และสามารถต่อยอดไปสู่เส้นทางการทำงานในแคนาดาได้ในอนาคต

2. การเพิ่มเกณฑ์ภาษาสำหรับการขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบ

อีกหนึ่งการอัปเดตสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ทักษะภาษาที่ใช้ในการขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบ (PGWP) ซึ่งทางการแคนาดากำหนดให้แตกต่างกันตามระดับการศึกษาของผู้สมัคร

  • สำหรับนักศึกษาที่จบระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก: ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษในระดับขั้นต่ำเทียบเท่า CLB 7 หรือได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกพาร์ต ได้แก่ การอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด (จากการสอบในรูปแบบทั่วไป) หากใช้ภาษาฝรั่งเศส ต้องมีระดับ NCLC 7 ในทั้ง 4 ทักษะ

  • สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรอื่นในระดับมหาวิทยาลัย: ต้องผ่านเกณฑ์เดียวกัน คือมีระดับภาษา CLB 7 หรือได้คะแนนอย่างน้อย 6.0 ในทุกพาร์ต หากใช้ภาษาฝรั่งเศส ต้องได้ NCLC 7

  • สำหรับผู้ที่จบจากหลักสูตรของวิทยาลัยหรือโปรแกรมอื่น ๆ: ต้องมีระดับภาษา CLB 5 หรือคะแนนอย่างน้อย 4.0 ในการอ่าน และ 5.0 ในการเขียน ฟัง และพูด หากใช้ภาษาฝรั่งเศส ต้องได้ NCLC 5 ในทุกทักษะ

กฎใหม่เหล่านี้มีขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะทางภาษาที่เพียงพอในการเข้าสู่ตลาดแรงงานของแคนาดา และสามารถมีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนต่างชาติที่มีเป้าหมายจะทำงานต่อหลังเรียนจบ ทักษะภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสที่แข็งแรงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการหางานและสร้างเส้นทางอาชีพที่มั่นคงในแคนาดา

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป รัฐบาลยังได้ขยายกลุ่มสาขาวิชาที่สามารถขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบได้ โดยเพิ่มหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาปฐมวัย และการดูแลพัฒนาการ เข้าไปในรายชื่อสาขาที่มีสิทธิ์ ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว เช่น สาขาการเกษตร การศึกษา สาธารณสุข วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ อาชีวศึกษา และการขนส่ง

3. กฎใหม่สำหรับนักเรียนต่างชาติ

ทางการแคนาดาได้ประกาศใช้กฎใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักเรียนต่างชาติ และรักษาความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษาในประเทศ หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การเพิ่มชั่วโมงการทำงานนอกมหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนต่างชาติ

นักเรียนต่างชาติในแคนาดาสามารถทำงานนอกสถานศึกษาได้ สูงสุด 24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่น และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานในแคนาดา รวมถึงอาจใช้เป็นข้อได้เปรียบในการสมัครวีซ่าประเภทอื่นหลังเรียนจบ

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่ม ข้อกำหนดการรายงานที่เข้มงวดขึ้นสำหรับสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง (Designated Learning Institutions – DLIs) โดยเฉพาะในระดับหลังมัธยมศึกษา เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบในระบบการออกวีซ่านักเรียนให้มากยิ่งขึ้น

4.ข้อกำหนดเรื่องหนังสือรับรองจากมลรัฐหรือเขตการปกครอง (PAL)

กฎใหม่อีกข้อที่สำคัญสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในแคนาดา คือ การบังคับใช้หนังสือรับรองจากมลรัฐหรือเขตการปกครอง (Provincial Attestation Letter - PAL) สำหรับผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนระดับหลังมัธยมศึกษา เอกสารนี้เป็นข้อบังคับสำหรับผู้ที่สมัครเรียนในหลักสูตรต่าง ๆ เช่น ปริญญาโท ปริญญาเอก หลักสูตรเตรียมความพร้อม และคอร์สภาษาก่อนเข้าเรียนในระดับสูง โดยจะมีข้อยกเว้นบางกรณีเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้กระบวนการยื่นขอวีซ่ามีความชัดเจนมากขึ้น และเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของมลรัฐหรือเขตการปกครองที่เลือกเรียน

คุณสามารถตรวจสอบแนวทางล่าสุดได้จากเว็บไซต์ตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดา หรือขอคำปรึกษาส่วนตัวกับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศของ IDP เพื่อรับคำแนะนำในการยื่นใบสมัครอย่างถูกต้องและตรงตามข้อกำหนดค่ะ

Img2-Article9-150725

5 วิธีสู่ฝันการเรียนต่อแคนาดา

ต่อไปนี้คือ 5 แนวทางที่จะช่วยให้คุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของระบบวีซ่าใหม่ และเพิ่มโอกาสในการขอวีซ่านักเรียนให้สำเร็จ:

1. วางแผนล่วงหน้า และเตรียมใบสมัครให้รอบคอบ

ในยุคที่การพิจารณาใบสมัครวีซ่าเข้มงวดขึ้น การวางแผนและจัดเตรียมใบสมัครอย่างรอบคอบเพื่อแสดงเจตนาที่แท้จริงในการไปเรียนต่อถือว่าสำคัญมากกว่าที่เคย

ควรเริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวบรวมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด และตรวจสอบให้แน่ใจว่าใบสมัครของคุณครบถ้วนถูกต้อง พร้อมแนบคำอธิบายแผนการเรียน ผลการเรียนย้อนหลัง และหลักฐานทางการเงินหรือความสามารถในการสนับสนุนตนเอง

ในหลายกรณี การสมัครอาจต้องแสดงผลสอบภาษาอังกฤษด้วย ซึ่ง คะแนน IELTS ที่ดี จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของใบสมัครของคุณ

IELTS เป็นแบบทดสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เหมาะสำหรับใช้ยื่นเรียนต่อหรือทำงานในต่างประเทศ รวมถึงในแคนาดาด้วย โดย IRCC และมหาวิทยาลัยทุกแห่งยอมรับ IELTS ในการประเมินความสามารถทางภาษา คุณควรตั้งเป้าทำคะแนนให้สูงกว่าขั้นต่ำที่หลักสูตรหรือสถาบันกำหนด เพื่อแสดงความพร้อมทางภาษาในระดับที่เหนือกว่ามาตรฐาน

2. มองหาเส้นทางอื่นที่ยืดหยุ่น

ลองพิจารณาเส้นทางอื่นในการเรียนต่อแคนาดา เช่น การสมัครเข้าหลักสูตรที่มีการแข่งขันน้อยกว่า หรือเลือกเรียนในวิทยาเขตภูมิภาคหรือวิทยาลัยที่มีโอกาสเข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงหลักสูตรปรับพื้นฐานหรือ Pathway Program แม้จะไม่ใช่หลักสูตรหลักในทันที แต่เส้นทางเหล่านี้สามารถพาคุณไปสู่ประสบการณ์การเรียนที่มีคุณค่า พร้อมเปิดโอกาสในอนาคตต่อไปในแคนาดา

3. ติดตามข่าวสารและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

นโยบายการอพยพและกฎเกณฑ์วีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติในแคนาดาอาจมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ การติดตามข่าวสารล่าสุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าใบสมัครของคุณจะตรงตามข้อกำหนดในช่วงเวลานั้น

คุณสามารถขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อต่างประเทศของ IDP ซึ่งมีประสบการณ์ในการให้คำแนะนำแบบเจาะลึก ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกหลักสูตร ยื่นใบสมัครวีซ่า ไปจนถึงการเตรียมตัวก่อนเดินทาง

4. เตรียมตัวสอบ IELTS อย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลแคนาดาได้กำหนดให้การยื่นวีซ่านักเรียนต้องแสดงผลสอบภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการสอบ IELTS Academic ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสมัคร

ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรเตรียมตัวสอบ IELTS อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแหล่งข้อมูลจาก IDP ไม่ว่าจะเป็นวิดีโออธิบายรูปแบบข้อสอบ ไปจนถึงแบบฝึกหัดออนไลน์ที่ช่วยให้คุณเข้าใจแนวข้อสอบได้ดียิ่งขึ้น

การวางแผนจองวันสอบ IELTS on Computer กับ IDP ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับผลสอบรวดเร็วภายในสองวันหรือน้อยกว่า และสามารถยื่นใบสมัครวีซ่าได้ทันเวลา เพิ่มโอกาสในการได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็วในระบบตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดา

5. วางแผนล่วงหน้าสำหรับชีวิตหลังเรียนจบ

นอกจากการวางแผนเรียนแล้ว ควรคิดเผื่อถึงอนาคตหลังเรียนจบในแคนาดาด้วย เช่น การขอสิทธิ์ทำงาน การเรียนต่อ หรือการสมัครวีซ่าประเภทอื่น

ล่าสุด มีการปรับเกณฑ์สำหรับการขอใบอนุญาตทำงานเปิดกว้างสำหรับคู่สมรสของนักเรียนต่างชาติด้วย ดังนั้น หากคุณวางแผนเรียนพร้อมคู่สมรส หรือมีแผนให้คู่สมรสอาศัยอยู่ในแคนาดาระหว่างที่คุณศึกษาอยู่ ควรติดตามข่าวสารการอพยพล่าสุดอย่างใกล้ชิด

สร้างเป้าหมายการเรียนต่อแคนาดาให้เป็นจริง

แม้เส้นทางการเรียนต่อในแคนาดาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน และอาจเข้มงวดมากขึ้นสำหรับนักเรียนต่างชาติ แต่โอกาสยังคงอยู่ไม่ไกล หากคุณปรับตัวและเตรียมความพร้อมให้ตรงตามกฎใหม่ของกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองแคนาดาในปี 2025 เป็นต้นไป โอกาสในการได้รับวีซ่าก็ยังเป็นไปได้

พร้อมหรือยังที่จะเริ่มต้นการผจญภัยการเรียนต่อต่างประเทศของคุณ? จองสอบ IELTS กับ IDP แล้วเข้าถึงแหล่งเตรียมสอบฟรีมากมาย ทั้งสำหรับเตรียม IELTS และการวางแผนเรียนต่อแคนาดาได้เลย!